หยุดฟังก่อนซื้อ🚫ทา #peptide💧แล้วเราได้อะไร⁉️ | DOCTOR DAYDREAMER #SKINCARE101
นี่คือ ภาค 3 ของความจริงเกี่ยวกับเปปไทด์ในสกินแคร์…อย่าลืมคลิ๊กดูภาคอื่นๆกันด้วยนะคะ
ภาค 1 : #peptide 💧ทาจนมือหงิก🤌🏻กระตุ้น #คอลลาเจน กี่โมง⁉️| DOCTOR DAYDREAMER #SKINCARE101
ภาค 2 : 4 สาเหตุทาเซรั่ม #peptide💧แล้วไม่ได้ผล⁉️| DOCTOR DAYDREAMER #SKINCARE101
ความสำคัญเกี่ยวกับเปปไทด์ในสกินแคร์ อยู่ที่สูตร ขนาดโมเลกุล และการส่งผ่านยา
…ไม่ใช่แค่ว่ามันคืออะไร มันเป็นโปรตีนแล้วไปกระตุ้นนั้นๆนี้ๆได้แล้วจบ …มันไม่จบค่ะ ถ้ามันลงไปออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ไม่ได้ (dermis)

บทความนี้เราจะมาดูกันค่ะ ว่าถ้า Peptide ลงไปออกฤทธิ์ที่หนังแท้ไม่ได้ แล้วตกลงเราได้อะไรกันจริงๆกันแน่จากการซื้อเปปไทด์มาทา???
The Main Signaling Mechanisms
A. Receptor Binding receptor : การจับกับตัวรับ (พบได้บ่อยที่สุด)*
- แม้เปปไทด์ทั่วไปในสกินแคร์จะไม่สามารถไปจับกับตัวรับ Fibroblast (เซลล์ที่เป็นโรงงานผลิตองค์ประกอบผิวใหม่ในชั้นหนังแท้) ได้แล้วด้วยอุปสรรคด้าน Drug delivery หรือ การนำส่งผ่านยา (ลองฟังเหตุผลในคลิปภาค 1 นะคะ) แต่ peptide ที่เราทาลงไปและนอนแอ้งแม๊งอยู๋บนชั้นหนังกำพร้านั้นก็ยังคงจับกับตัวรับพื้นผิวเซลล์บน keratinocytes (เซลล์ผิวหนังชั้นนอก) ได้อยู่นะ
- สิ่งนี้ทําให้เกิดการส่งสัญญาณภายในเซลล์ เช่น MAPK หรือ TGF-β pathway ซึ่งนําไปสู่…
- การสังเคราะห์คอลลาเจน (ประเภท I, III, IV) การผลิตอีลาสติน
- การสังเคราะห์กรดไฮยาลูโรนิก
- การลดสารสื่อระหว่างเซลล์ที่ทำให้เกิดการอักเสบ (inflammatory mediators)
แต่!!! อย่าตื่นเต้นไป เพราะนั่นไม่ใช่ผลทางหลัก ยังไงกระบวณการสื่อระหว่างเซลล์ที่ว่านี้จัดว่าเป็น “ผลทางอ้อม” ที่เกิดขึ้นกับบนหนังกำพร้าแล้วส่งสัญญาณลงไปด้านล่างที่ลึกกว่าได้ค่ะ
….แต่ก็ไม่ได้ลึกเท่าหัตถการเเพทย์ในแบบที่คุณหมอใช้เข็มฉีดโปรตีนเข้าไปในชั้นหนังแท้เลย อันนั้นเสิร์ฟถึงที่ Fibroblast เซลล์ที่เป็นโรงงานผลิตองค์ประกอบผิวใหม่เราได้รับโปรตีนอย่างจัง เซลล์จึงนำเปปไทด์ไปใช้กระตุ้นการดำเนินไปของเซลล์ได้มากกว่าค่ะ (biological activity)
B. Wound-Healing Mimicry : การเลียนแบบและเหนี่ยวนำให้เกิดกลไกการรักษาบาดแผลตามธรรมชาติ
- โดยธรรมชาติ เมื่อคอลลาเจนสลายตัว (จากความชราของเซลล์ รังสียูวี สิ่งแวดล้อม หรือ เกิดแผลจริงจากอุบัติเหตุ หรือ แม้แต่เกิดแผลจากหัตถการแพทย์) ชิ้นส่วนของคอลลาเจนจะถูกปล่อยออกมาออกเป็น เศษชิ้นส่วนซากปลักหักพังของโปรตีน นั่นก็คือ Short chain peptide เปปไทด์สายสั้นๆนี่แหล่ะ
- ผิวหนังคนเราจะ “อ่าน” ชิ้นส่วนเหล่านี้ว่ามันเป็นสัญญาณความเสียหาย – แล้วส่งสารสื่อระหว่างเซลล์ (Cell mediators) ไปบอกให้ไฟโบรบลาสต์สร้างคอลลาเจนมากขึ้นเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- เปปไทด์ในสกินแคร์เองก็ “ปลอมตัว” เป็นเศษชิ้นส่วนซากปลักหักพังของโปรตีนนั้นได้ค่ะ!!! เมื่อเราทาไปบนหนังกำพร้า เซลล์ผิวเราจะเข้าใจผิด หลงนึกว่า Short chain peptide ของร่างกายเราที่เสียหาย นางส่งจึงสัญญาณ “หลอก” ผิวให้ซ่อมแซมตัวเองแม้ไม่มีการบาดเจ็บจริงก็ตาม
แต่!!! อย่าตื่นเต้นไป (อีกแล้ว3) ถ้าคุณอยากจะเอามาเป็นคู่มวยกับหัตถการแพทย์ อย่าหวังค่ะ เพราะเวลาที่เราทำหัตถการเช่น การ resurfacing ปูผิวใหม่ เราจะได้แผลบนผิวจริงๆ ที่เป็นของจริง ดังนั้น โครงสร้างผิวต้องรักษาสมดุลในการสร้างผิวตรงนั้นขึ้นมาทดแทนแผลที่ถูกทำลายให้ได้
….ดังนั้นการเกิด “แผลจริง” ย่อมได้คอลลาเจน เป็นกอบเป็นกำในเชิงโครงสร้าง architecture ของผิวหนังมากกว่า “แผลปลอม” จากสกินแคร์ที่ผสมเปปไทด์ค่ะ
C. Neurotransmitter Modulation
- เปปไทด์บางชนิดเลียนแบบโปรตีนที่สามารถบล็อกสารสื่อประสาทได้
- เช่น Acetyl hexapeptide-8 (Argireline) ยับยั้งการก่อตัวของ SNARE complex ลดการปล่อย acetylcholine ได้ จึงถูกเคลมว่าตัวตายตัวแทนโบท็อก หรือ botulinum toxin เลยหล่ะ
แต่!!! อย่าตื่นเต้นไป (อีกแล้ว2) เพราะ ภายใน 10 ปีให้หลังตั้งแต่เรามีน้อง Argireline ใช้กัน น้องถูกอวดอ้างมาเยอะมากว่ามันแทนฉีดโบได้ จริงๆมันแทนไม่ได้ค่ะ
อย่าลืมว่าโบหมอฉีดไปที่กล้ามเนื้อเลยนะ อันนี้อยู่ลึกกว่าหนังแท้และไขมันไปอีก แค่เปปไทด์จะเอาลงหนังแท้ยังยากเลย ไปกล้ามเนื้อแล้วจะเหลือเร้ออออออ (ไว้ดรีมจะทำคลิปเพิ่มเกี่ยวกับ Argireline นะคะ)
D. Carrier Peptides (for Nutrient Delivery)
- เปปไทด์บางชนิดถูกสร้างให้มีโครงสร้างของแร่ธาตุบางชนิดห้อยตามมาด้วย (เช่น ทองแดง แมงกานีส)
- นางจึงทำหน้าที่ขนส่งไปยังเซลล์ ซึ่งเป็นปัจจัยร่วมที่จําเป็นสําหรับการเป็นโคเอนไซม์ ทำงานร่วมในปฏิกิริยาทางเคมีภายในเซลล์ค่ะ
- ตัวอย่าง: เปปไทด์ทองแดง (GHK-Cu) จะนํา Cu²+ ไปยังไฟโบรบลาสต์ → กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และไกลโคซามิโนไกลแคน ได้
แต่!!! อย่าตื่นเต้นไป (อีกแล้ว4) เห็นคำว่าน้องทองแดงเสิร์ฟไปที่เซลล์ fibroblast มั้ยคะ อีกแล้ววววนะ ถ้าน้องไปไม่ถึงหนังแท้ น้องก็ไปหาไฟโบรบลาสต์ไม่ได้ค่ะ ติดกับดักอยู่กับเรื่องๆการนำส่งตัวยาที่ดรีมพูดไว้ใน ภาค 1 อีกแล้ว

Tips คำแนะนำ :
เมื่อยา หรือ สารสำคัญในสกินแคร์มีข้อจำกัดในการส่งผ่านยา ดังนั้น เราจึงควรพึ่งหัตถการแพทย์บางอย่าง เพื่อให้ยาได้ออกฤทธิ์ที่ target cell ได้ที่ชั้นหนังแท้ และสิ่งที่ว่าก็คือ การทำ Resurfacing นั่นเองค่ะ
สิ่งที่ดรีมทำก็คือ โปรแกรมผิวย้อนวัย DREAM re-CELL therapy ที่จะทำให้คุณได้ปรับปรุง✨ Skin Quality ✨ที่ดีขึ้นทั้ง 3 ด้านจากการสร้างผิวใหม่อย่างถาวร
ขั้นตอนที่ 1
❤️ Resurfacing : ซึ่งเป็น Nano fractional Radio frequency สร้างบาดแผลเล็กละเอียดและสวยงาม กระตุ้นสร้างเนื้อใหม่ให้เป็นผิวที่คุณภาพดีทุกด้าน
ขั้นตอนที่ 2
❤️ Biomedical technology of Cells and products : ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี ชีวภาพการแพทย์ของเซลล์ ให้ร่างกายเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างเซลล์ใหม่ได้เต็มที่มากขึ้น
___________________________________
ติดตาม Lifestyle ของหมอดรีมกับช่องทาง DOCTOR DAYDREAMER ได้ที่..
YOUTUBE : https://www.youtube.com/doctordaydreamer
FACEBOOK : https://www.facebook.com/doctordaydreamer
INSTAGRAM : https://instagram.com/doctor.daydreamer
TIKTOK : https://www.tiktok.com/@doctordaydreamer
X : https://x.com/drdaydreamerzzz
LEMON8 : https://lemon8-app.com/@doctordaydreamer
WEBSITE : http://www.doctordaydreamer.com
SPOTIFY PODCAST : https://open.spotify.com/show/5hzIs8AE8JDT4DSBjComzG
กลุ่มช่วยกันชำแหละสูตรสกินแคร์ https://www.facebook.com/groups/173089624608800
___________________________________
ติดตาม คลินิกของหมอดรีม Dr. Dream Clinic ได้ที่..

http://lin.ee/JuEPv6hLINE : @drdreamclinic http://lin.ee/JuEPv6h
FACEBOOK (Official fanpage): https://www.facebook.com/drdreamclinic
FACEBOOK (สาขากรุงเทพมหานคร): https://www.facebook.com/drdreamclinicbkk
INSTAGRAM : https://instagram.com/dr.dream.clinic
___________________________________
