เคยกินป่ะ นำ้มันทูน่า ไม่อยากแก่ต้องลอง | DOCTOR DAYDREAMER x ZeAvita TunaOil

22 ธันวาคม 2020 0 Comments

ข้อดี 7 อย่างที่เรียกได้ว่าเป็น ของมันต้องมี สำหรับคนไม่ยอมแก่อย่างเรา กับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ZeAvita Tuna oil จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนในการเอามารับประทานเพื่อต้านความแก่ของร่างกาย กินแล้วไขมันร้ายฉันจะลด ไขมันดีฉันจะเพิ่ม ความดันโลหิตปกติ หัวใจแข็งแรง สมองฉลาด สายตาดี ข้อต่อลื่นปื๊ดๆ ได้หรือไม่ หาคำตอบได้ในคลิปนี้ค่ะ

กินปลาแล้วจะฉลาด แล้วถ้าปลาฉลาดจริงมันก็คงไม่มาให้เรากิน เอ้ย…ได้หราาาาาา มารู้จักกับ ดีเอชเอ” (Docosa-hexaenoic Acid) และ “อีพีเอ” (Eicosa-entaenoic Acid) กับข้อดี7อย่างที่เรียกได้ว่าเป็น ของมันต้องมี สำหรับคนไม่ยอมแก่อย่างเรา!!!”

  • “เรื่องแก่ เรื่องเหี่ยว บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่คนยุคใหม่อย่างเรายอมกันไม่ได้ค่ะ แต่เมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น เซลล์ต่างๆ จะเริ่มสูญเสียความสามารถในการทำงาน ส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติและก่อให้เกิดโรคตามมา  ไม่ว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ ( Alzheimer’s Disease ) โรคสมองเสื่อม ( Dementia ) ภูมิแพ้ ( Allergy ) โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis ) ข้ออักเสบ ( Arthritis ) ภาวะวัยทอง ( Menopause / Andropause ) เฮ้อออออ”
  • “ตัวเลขของอายุที่เพิ่มขึ้นจากสัจธรรมความเป็นจริงตามธรรมชาติยังไม่พอ มิหนำซำ้รูปแบบการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร เหล้า ยา ปลาปิ้ง เอ้ย ปลาปิ้งอร่อย กินได้…อิอิ ทั้งพฤติกรรม การละเลย และขาดการเอาใจใส่สุขภาพ นี่แหล่ะค่ะภาวะความเสื่อมของเซลล์ยิ่งรุดหน้าก้าวกระโดดไปอีก”
  • “สำหรับติ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอง ก็คงจะไม่พลาดที่อยากจะได้ผลิตภัณฑ์ดีๆมาชะลอความชรา ในคลิปนี้เราจะมาคุยกันถึงเจ้า fish oil หรือ นำ้มันปลากันค่ะ กับข้อดี 7 อย่างที่เรียกได้ว่าเป็น ของมันต้องมี สำหรับคนไม่ยอมแก่อย่างเรา  แต่ก่อนจะไปถึงข้อดีกันนั้นเราต้องมารู้กันก่อนค่ะ ว่าในนำ้มันปลามีอะไร?”
  • “น้ำมันปลามี กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่ม “โอเมก้า-3” (Omega 3 Polyunsaturated Fatty Acids) โดยประกอบด้วยกรดไขมันหลัก 2 ตัว คือ “ดีเอชเอ” (DHA, Docosa-hexaenoic Acid) และ “อีพีเอ” (EPA, Eicosa-entaenoic Acid) โดยมีฤทธิ์ต่อกลไกในระบบเมแทบอลิซึมของเซลล์ ที่มีความสัมพันธ์ในระดับดีเอ็นเอกันเลยทีเดียว”
  • “EPA และ DHA ทั้งคู่นั้นนับว่าเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ร่างกายดันไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เอ้า… แล้วทำไงคะ ใช้เงินแก้ปัญหาได้ค่าาาาา เราสามารถรับเพิ่มได้จากอาหารนั่นเอง”
  • “และ DHA EPA ที่ว่านั้นก็อัดแน่นอยู่ในมือของดรีมกันแล้วค่ะ กับ ZeAvita Tuna oil นำ้มันปลาทูน่าที่เน้นความโดดเด่นอยู่ที่วัตถุดิบเป็นปลาทูน่าอันเลอค่าจากธรรมชาติในแหล่งท้องทะเล ไม่ได้เพาะเลี้ยงในกระชัง หว่านแห แล้วก็จับมานะจ๊ะ  ด้วยการคัดสรรทูน่าส่วนหัวที่มีคุณภาพอุดมไปด้วยกรดไขมัน DHA สูงกว่าปลาชนิดอื่นๆในโลกหล้า  แล้วแถมการตลาดโดนๆที่เค้าบอกว่า หัวปลาตัดปั๊บสกัดปุ๊บทำให้คงคุณค่าความสดใหม่อยู่เสมอ
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ZeAvita Tuna oil ถูกบรรจุอยู่ในขวดแก้วสีชา ป้องกันการทำปฏิกิริยากับแสงได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความคงตัวไม่เสื่อมสภาพ  มีขนาด 30 แคปซูล นำ้หนักแคปซูลละ 500 mg. ลักษณะของแคปซูลเป็นโปร่งใสสามารถเห็นสีเหลืองทองของนำ้มันปลาที่อยู่ด้านในได้ เม็ดแคปซูลมีขนาดเล็กทานง่ายไม่มีกลิ่นคาว
  • “วิธีรับประทาน: รับประทานพร้อมอาหาร ครั้งละ 2 แคปซูล 1-2ครั้ง ต่อวัน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้อาหารทะเล หรือ นำ้มันปลา ควรระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือ แอสไพริน”
  • “มาที่ Active ingredients สารสำคัญในการออกฤทธิ์ของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ZeAvita Tuna oil กันบ้าง มีดังต่อไปนี้…”
  1. “DHA” (Docosa-hexaenoic Acid) 25 mg. เป็นกรดไขมันที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและประสาทตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพัฒนาสมองทารกและเด็กในช่วง 3 ปีแรกค่ะ
  2. “EPA” (EPA, Eicosa-entaenoic Acid) 125 mg. มีส่วนช่วยในการลดปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดไขมันตัวไม่ดีในร่างกายเราได้ แถมยังสามารถสร้าง prostacyclin และ thromboxane ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด พบได้ใน น้ำมันคาโนล่า น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด และพบมากที่สุดในน้ำมันปลานั่นเอง
  3. กรดไขมันอิ่มตัว 30 mg. 

“สำหรับส่วนประกอบอื่น ก็คือ…”

  1. สารที่ใช้ทำเจล (เจลาตินชนิดรับประทานได้) ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากเกล็ดปลา
  2. สารให้ความชุ่มชื้น (glycerin) ซึ่งส่วนนี้เป็นสารเติมเต็มของแคปซูลนั่นเองค่ะ

“แถมเค้ายังบอกด้วยนะคะว่า กระบวนการผลิตนั้นใช้วิธีสกัดเย็นมาตรฐานจากเยอรมนี ทำให้ได้นำ้มันปลาทูน่าที่คงคุณค่าสารอาหารครบถ้วน เป็นนำ้มันที่มีความบริสุทธิ์ สีสวย น่ารับประทาน และไม่เหม็นคาวนั่นเอง

  • “ฟังมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อาจจะ เอ๊ะ DHA แล้วไง EPA แล้วไง ทำไมต้องกินด้วย? งั้นเราก็ มาเข้าเรื่องกันเลยค่ะ กับ ข้อดี 7 อย่างของ fish oil หรือ นำ้มันปลา ที่เรียกได้ว่าเป็น ของมันต้องมี สำหรับคนไม่ยอมแก่อย่างเรามีอะไรบ้าง มาดูกัน…”
  1. ลดไขมันร้าย ทราบกันดีว่า พวก triglycerides เอย LDL-c เอย ของพวกนี้มีมากเกินมันก็จะไปเกาะๆตามหลอดเลือด เลือดก็วิ่งไปเลี้ยงเซลล์ของอวัยวะสำคัญๆได้ไม่ดี ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ค่ะ จากการวิจัยพบว่า DHA ที่อยู่ในนำ้มันปลา สามารถลดระดับไขมัน triglycerides ได้ 13.3% ในขณะที่ EPA เองก็สามารถลดได้ 11.9%   
  2. เพิ่มไขมันดี HDL cholesterol จัดว่าเป็นไขมันดีที่ร่างกายเราควรมี ยิ่งสูงยิ่งดี โดยค่าปกติของผู้ชายจะอยู่ที่ 40-50 mg/dL ส่วนผู้หญิงจะอยู่ที่ราวๆ 50-60 mg/dL ซึ่งHDL-cถูกสร้างจากตับและลำไส้ แล้วทำไมถึงเรียกว่าดี เนื่องจาก HDL-c เป็นตัวนำพาไขมันคลอเลสเตอรอลไม่ดี อย่าง LDL-c ออกจากเนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด ไปทำลายที่ตับนั่นเอง  จากงานวิจัยพบว่า DHA สามารถเพิ่มระดับ HDL-c ได้ถึง 7.6% เลยทีเดียว 
  3. ช่วยรักษาความดันโลหิตให้ปกติจากงานวิจัย DHA สามารถช่วยลดความดันตัวล่าง ซึ่งเป็นค่าความดันโลหิตต่าท่ีสุด เมื่อหัวใจห้องล่างซ้าย คลายตัว หรือ diastolic blood pressure ได้ที่ค่าเฉลี่ย 3.1 mmHg ในขณะที่ EPA สามารถช่วยลดความดันตัวบน คือ ค่าความดันโลหิตสูงที่สุดเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัว หรือ systolic blood pressure ได้ที่ค่าเฉลี่ย 3.8 mmHg  เนื่องจากทั้งDHA และ EPA นี้ต่างก็มีบทบาทในการทำงานของการขยายตัวหลอดเลือดทั้งสิ้น จึงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองตีบได้นั่นเอง
  4. บำรุงหัวใจ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคอ้วน 154 คน รับประทาน DHA 2,700 mg ต่อวัน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ พบว่า สามารถเพิ่มระดับ  omega-3 ในเลือด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการลดลงของอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ถึง 5.6% ในขณะที่การรับประทาน EPA ขนาด 2,700 mg ต่อวันเท่ากัน จะสามารถเพิ่มระดับ omega-3 ได้ 3.3%
  5. บำรุงสมอง DHA สามารถช่วยเรื่องพัฒนาการสมองของทารกโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ และ ช่วงอายุ 3 ปีแรกของเด็ก มิน่าหล่ะ ผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กๆถึงพากันใส่ DHA ลงไปกันใหญ่เลย งานวิจัยพบว่า ระดับ DHA ในเลือดแม่ที่เพียงพอช่วงก่อนคลอด มีความสัมพันธ์ต่อความสามารถและไหวพริบในการแก้ไขปัญหาของลูกในช่วงขวบปีแรก  ซึ่งแตกต่างกันถึง 33% ในอาสาสมัครทั้งหมด 82 คน (***ขึ้น text ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ZeAvita Tuna oil  ข้อควรระวัง  เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน) นอกจากนี้  EPA และ DHA สามารถออกฤทธิ์ลดภาวะซึมเศร้าได้ด้วย โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลาย เซโรโทนิน (Serotonin) ได้ จึงนับว่าเป็นผลดีที่มาใช้เป็นทางเลือกสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า สมาธิสั้น ไบโพลาร์ จิตเภท เป็นต้น
  6. บำรุงสายตา “โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” (Age related Macular degeneration)  เป็นกลุ่มโรคที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นส่วนกลางของภาพมักพบในผู้มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป โดยทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะภาพตรงส่วนกลาง แต่ภาพด้านข้างยังดีอยู่ เช่น มองขอบหน้าปัดนาฬิกาชัดแจ๋ว แต่มองตัวเลขไม่เห็นเลยบอกไม่ได้ว่ากี่โมง โดยงานวิจัยค้นพบว่า DHA อาจสามารถช่วยลดภาวะ AMD นี้ได้ และช่วยแก้ไขปัญหาตาแห้ง และ ทำให้ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (diabetic retinopathy) ดีขึ้นได้ แถมยังบอกด้วยว่าในอาสาสมัครที่ใส่คอนแทคเลนส์ เมื่อได้รับ DHA 600 mg. และ EPA 900 mg. ต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า สามารถช่วยลดอาการระคายเคืองตาลงได้ 42% โดยประสิทธิภาพใกล้เคียงกับผลที่ได้รับจากการใช้ยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์อีกด้วย   นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นยังระบุว่า การได้รับ DHA 500 mg. และ EPA 1000 mg. ต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือนในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีสามารถช่วยลดความดันในลูกตาลง 8% ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดโรคต้อหินได้นั่นเอง
  7. ลดอาการอักเสบในข้อต่อในงานวิจัยพบว่าอาสาสมัครที่เป็นผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ทั้งหมด 38 ราย เมื่อได้รับ DHA 2,100 mg. ต่อวัน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ พบว่า อาการบวมของข้อต่อลดลง 28% เมื่อเทียบกับยาหลอก
  • “มาถึงบทสรุปนะคะว่า  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ZeAvita Tuna oil ตัวนี้จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนในการเอามารับประทานเพื่อต้านความแก่ของร่างกาย กินแล้วไขมันร้ายฉันจะลด ไขมันดีฉันจะเพิ่ม ความดันโลหิตปกติ หัวใจแข็งแรง สมองฉลาด สายตาดี ข้อต่อลื่นปื๊ดๆ ได้หรือไม่ คำตอบก็คือ…”
  • “ตามความคิดเห็นของดรีมนะคะ ในการที่เราจะมีสุขภาพที่ดีปราศจากโรคได้นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ปัจจัยบางอย่างนั้นเราไม่สามารถควบคุมได้เช่น พันธุกรรม ครอบครัว ญาติสายตรงเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ไขมัน  เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แต่ปัจจัยอื่น ๆ อย่าง พฤติกรรมและการดำเนินชีวิตนั้น เป็นเรื่องที่เราควบคุมได้ค่ะ เช่น เหล้า บุหรี่ อาหารไขมันสูง นำ้ตาลสูง ความเครียด พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลังกาย นำ้หนักตัวเกิน สิ่งเหล่านี้ค่ะ ที่จะเป็นผลโดยตรงที่ทำให้เราเกิดโรคและการมีสุขภาวะที่ไม่ดีได้”
  • “สำหรับการรับประทาน fish oil หรือ นำ้มันปลานั้น ก็จัดว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้รักสุขภาพ ที่อยากหาตัวช่วยมาเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้นทั้งในเรื่องระบบหลอดเลือด หัวใจ สมอง และ สายตา ตามที่ดรีมได้กล่าวไปนั้น เป็นเหมือนการป้องกันภาวะความเสื่อมร่างกายที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากอายุที่เพิ่มขึ้น และ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิม หากเราต้องการหันมาเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้ร่วมด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรเพื่อพิจารณาในเรื่องความเหมาะสมกับตัวโรคและกลุ่มอาการ และการปรับยาด้วยเสมอนะคะ”
  • “สุดท้ายแล้ว ต่อให้เราสรรหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอะไรมาแพงแค่ไหน แต่เรายังละเลยเรื่องพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่มี Life style modification ร่วมด้วยยังไง ชีวิตเราก็จะวนลูปเข้าวัฐจักรเดิมๆ มีปัญหาสุขภาพเดิมๆ ก็เหมือนที่เค้าว่าแหละค่ะสุขภาพที่ดีไม่มีขายอยากได้ต้องทำเอง”
  • สุดท้ายคุณเองแหล่ะคือผู้รู้คำตอบที่ดีที่สุดต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองค่ะลองแล้วได้ผลอย่างไรก็คอมเมนท์ทิ้งไว้ใต้ล่างนะคะ

ติดตาม คลินิกของหมอดรีม Dr. Dream Clinic ได้ที่..

FACEBOOK : https://www.facebook.com/drdreamclinic

INSTAGRAM : https://instagram.com/dr.dream.clinic

Line ID : @drdreamclinic http://lin.ee/JuEPv6h

ติดตาม Lifestyle ของหมอดรีมกับช่องทาง DOCTOR DAYDREAMER ได้ที่.

WEBSITE : http://www.doctordaydreamer.com

YOUTUBE : https://www.youtube.com/DoctorDayDreamer

FACEBOOK : https://www.facebook.com/DoctorDaydreamer

INSTAGRAM : https://instagram.com/doctor.daydreamer

TWITTER : https://twitter.com/DoctorDaydreamz

ขอบคุณที่รับชมและติดตามค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *